รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
คำสอนทั้งหมด ที่ฉันได้สอนคุณ คือเพื่อดึงคุณขึ้นมา นั่นเป็นสิ่งที่หมายถึง ที่ว่า วิถี 84,000 วิถีของการสอน คนบางคนต้องการสิ่งนี้ และบางคนต้องการสิ่งนั้น คนอื่น ๆต้องการเอาใจ และบางคนต้องการถูกดุว่า เพื่อทำให้ก้าวหน้า บางคนต้องการให้ปฏิบัติ อย่างเย็นชาหน่อยเพื่อยกระดับ บางคนต้องการให้ปฏิบัติ อย่างใจดี ยกตัวอย่าง อย่างนั้น บางคนต้องการ “เยียวยา” ภายใน คนอื่นต้องการให้ถูกนำไปอย่างช้า ๆ ภายในและภายนอก จะต้องได้การเชื่อมโยง แล้วคนนั้นก็สามารถก้าวหน้ามันไม่ใช่ว่าฉันบังคับให้คุณบูชา ลักษณะภายนอก รูปภาพของฉัน ถึงแม้ว่าของพวกนั้นเป็นภาพ ฉันอยู่ในพวกนั้น เพราะว่าฉันยังคงมีชีวิตอยู่ เข้าใจไหม ฉันยังคงมีชีวิตอยู่ อะไรที่เกี่ยวโยงกับฉัน มีพลังงานของฉันในนั้น เป็นส่วนของฉัน นั่นทำไมมันมีฉันอยู่ข้างใน ฉะนั้น บางครั้ง คุณเห็นฉัน เดินออกมาจากรูปภาพของฉัน นั่นทำไม ฉันอยู่ทุกหนแห่ง แล้ว ทำไมไม่ใช่ข้างในรูปภาพฉัน เข้าใจไหม? มันไม่ได้หมายความว่า ฉันแค่นั่งในรูปภาพ แต่ฉันก็อยู่ในนั้นด้วย นั่นเป็นสิ่งที่หมายถึง ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น ถ้าฉันไม่ได้อยู่ข้างในรูปภาพ ฉันก็ไม่ได้เป็นผู้ “มีอยู่ทุกหนแห่ง” ใช่ไหม ฉันอยู่ทุกหนแห่ง ดังนั้น ฉันอยู่ในรูปภาพด้วย นั่นถูกต้อง เพราะฉันยังคงมีชีวิตอยู่ ถ้าคุณไปสูงถึงอาณาจักรระดับสูง คุณก็จะเห็นฉันด้วย ถ้าคุณไปนรก คุณก็จะเห็นฉันด้วย นับประสาอะไรกับข้างใน ที่มีรูปที่สวยและสะอาด ทำไมฉันถึงไม่ควรนั่นตรงนั้น เพื่อจะได้ "สนุกด้วย" ล่ะ?”นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมบางครั้ง เมื่อพวกคุณสวมใส่รูปของฉัน คุณจะมีประสบการณ์ ที่น่าอัศจรรย์ หรือเมื่อคุณกินอะไร ซึ่งฉันให้คุณไป หรือเสื้อผ้าที่ฉันได้ใส่ หรือได้แตะ หรือนั่งบนมันแล้ว มันมีความรัก และพลังของฉันอยู่ ฉันอยู่ทุกหนแห่ง โดยเฉพาะถ้าร่างกายของฉัน ได้สัมผัสมันด้วย แน่นอน มันก็จะยิ่งมี พลังงานของฉันในมันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะคิดถึงอะไร ที่เกี่ยวกับฉันก็ตาม มันเป็นของฉัน เข้าใจมั๊ย? ถ้าคุณพูดว่า ฉันอยู่ทุกหนแห่ง งั้นฉันก็อยู่ทุกที่ ทั่วทั้งจักรวาล ไม่ใช่แต่สถานที่ที่จัดเตรียม ไว้ให้ฉันเป็นพิเศษเท่านั้น ตัวอย่างเช่น รูปภาพของฉันก็คือที่ซึ่งฉันพำนัก แล้วฉันจะไม่อยู่ในนั้นได้อย่างไรกัน? มันยิ่งพิเศษเข้าไปใหญ่ เข้าใจมั๊ย? ดังนั้น บางครั้ง คุณได้ยินว่าบางคนพูดว่า ฉันได้ไปที่บ้านของพวกเขา และนั่งบนเก้าอี้ แม้ว่าจะไม่มีที่ที่พิเศษในบ้าน ของคุณที่เตรียมไว้ให้ฉันก็ตาม ฉันก็ยังไป ยิ่งเป็นเก้าอี้ด้วยแล้ว ทำไมฉันจะไม่นั่งบนมันล่ะ?นี่คือเหตุผลที่ทำไมคนภายนอก บางครั้่งก็ไม่รู้ พวกเขาพูดว่าการสวมใส่ รูปภาพของฉันนั้นคือการ เคารพรูปปั้น แต่มันไม่ใช่ เพราะว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ และจักรวาลทั้่งหมด ก็เป็นของฉัน รวมถึงรูปของฉันด้วย ดังนั้น คุณจึงใส่มันได้ ฉันพูดว่า “โอเค ฉันสัญญาแล้วนะ!” มันถูกรับประกัน เข้าใจมั๊ย? เราไม่ได้พบกับพระเยซู ท่านอาจจะเสด็จไป ที่ดินแดนอื่นแล้วก็ได้ มันเป็นไปได้ว่าพระเยซูคริสต์ ก็ทรงประทับอยู่ในกางเขนด้วย แต่เราไม่ได้พบท่าน เราไม่ได้มีการติดต่อ ส่วนตัวกับพระองค์ ดังนั้น ความศรัทธาของเราจึงไม่เข้มแข็ง เราบังคับ คนทางโลกให้เชื่อ สิ่งใด ๆ ที่พวกเขาไม่เห็นไม่ได้ เพราะจิตเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าอะไรที่เราสามารถเห็น รับรู้ จับต้องได้ เราจะรู้ว่ามันมีอยู่ เพราะว่านี่เป็นโลกของการ มีอยู่ เป็นโลกทางกายภาพ มันจึงยากที่จะทำให้เราทำหรือ จินตนาการถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม ดังนั้นเราจึงต้องการบางสิ่งที่เป็น กายภาพ เพื่อที่จะได้พึ่งพามันได้ เพื่อจะได้เข้าสู่ด้านที่เป็นจิตวิญญาณ ดังนั้น การสวมใส่รูปของอาจารย์ ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น คุณมีความศรัทธาที่เข้มแข็งกว่า การสวมใส่รูปของผู้ที่ ได้ตายจากไปแล้วบางคน ผู้ที่คุณไม่รู้จัก ใบหน้าของเขาหรือเธอ คุณไม่รู้ว่านั้่นเป็น ใบหน้าที่แท้จริงของเขา หรือว่าเขาเห็นด้วย ที่จะอยู่ข้างในรูปนั้น ที่คุณกำลังสวมใส่อยู่หรือไม่ ดังนั้นคุณจึงขาดศรัทธาและถ้าคุณขาดศรัทธา มันก็จะยากที่จะติดต่อ ก็เท่านั้นเอง เพราะว่า ทั้งสอง จะต้องคิดถึงกันและกัน แล้วถึงจะติดต่อกันได้ เข้าใจไหม? เพราะว่าถ้าคนใดคนหนึ่งคิด อย่างนี้ แต่อีกคน คิดอย่างนั้น มันก็จะไม่เป็นผล ตัวอย่างเช่น ถ้าพระพุทธเจ้าและพระเยซู คิดเกี่ยวกับคุณ แต่คุณไม่ทราบ ว่าพวกท่านมีอยู่หรือไม่ แล้วมันก็จะเหมือนว่าค้างเติ่งอยู่ ติดต่อไม่ได้ มันจึงไม่ได้ผล แต่ฉันยังอยู่ที่นี่ หลายคนมีประสบการณ์ ที่อัศจรรย์มากมาย พวกเขารู้แล้ว พวกเขาเชื่ออยู่แล้ว พวกเขาเห็นหน้าฉัน ได้ยินเสียงฉันทุกวัน มันจึงชัดเจนมาก แล้วเราทั้่งสอง ก็กำลังคิดถึงกันอยู่ ฉันคิดถึงคุณอยู่เสมอ และคุณก็คิดถึงฉันอยู่เสมอ ทั้งสองติดต่อกันเป็นหนึ่งเดียวกัน หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง และแล้ว ก็มีการติดต่อกันมากขึ้น แล้วมันก็เป็นที่แน่ใจ ดังนั้นมันจึงมีความแตกต่าง ระหว่างการสวมใส่รูปของฉัน และการสวมใส่รูปของผู้อื่น เข้าใจมั๊ย? (ค่ะ/ครับ เราเข้าใจ) รูปอื่น ๆ ที่เรา ไม่เห็น หรือเราไม่รู้จักบุคคลคนนั้น แต่รูปซึ่ง เราได้พบและรู้จักท่านนั้น มีค่ามากกว่า มันให้ความศรัทธาที่มากกว่าแก่เรา ก็เท่านั้นเอง แต่มันแปลกนะ!คนเหล่านั้นที่บำเพ็ญอย่างขันแข็ง ที่เชื่อใจในพระเจ้าและพุทธะ อย่างสมบุรณ์แล้ว ชีวิตของพวกเขาจะลำบากน้อยลง และการเจ็บป่วยของพวกเขา น้อยลงด้วย แม้ว่าพวกเขาป่วย พวกเขาไม่ใส่ใจพวกเขารู้สึก ว่ามันไม่สำคัญ ใช่ไหม? ไม่ใช่ว่า พวกเขามองหาการเจ็บป่วย เราผู้บำเพ็ญจิตวิญญาณ เบากว่าเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าเราต้องการป่วย โชคไม่ดี ถ้าเราป่วยแล้วเรายอมรับมัน เราไม่จริงจังกับมันมาก นั่นถูกไหม? ถ้าเราไม่ยึดถือกุญแจสำคัญ ในทางบำเพ็ญจิตวิญญาณ แม้ว่าคุณมีร่างกายที่มีสุขภาพดี ก็ไม่มีประโยชน์มากนัก มีคนมากมาย ที่มีสุขภาพแข็งแรง พวกเขาดูสุขภาพดี ด้วยแก้มเป็นสีกุหลาบ สวยงามและอ่อนเยาว์ แต่จิตวิญญาณของพวกเขา ต่ำมาก พวกเขาไม่สามารถเข้าใจ สิ่งที่คุณพูด พวกเขาไม่ถาม เรื่องจิตวิญญาณเลย มันไม่ทำให้พวกเขาสนใจ มันตลก ใช่ไหม? ผู้คนมากมายดูเหมือน สวยงามแต่ไม่มีเสน่ห์ เมื่อพวกเขาเปิดปากของพวกเขา ถูกไหม? พวกเขาพูดอย่างคร่าว ๆ หรือไร้สาระ แต่ผู้บำเพ็ญด้านจิตวิญญาณ สวยงาม ในแบบที่ไม่อาจอธิบายได้ พวกเขามีเสน่ห์มากเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด ทำให้ฉันมีความสุข อย่างน้อยที่สุดฉันก็มีอิทธิพล ต่อคนจำนวนมาก การบำเพ็ญด้านจิตวิญญาณของ พวกเขาพัฒนาขึ้น มันหมายความว่าพวกเขาก้าวหน้า เข้าใจไหม? ยกตัวอย่าง ในอดีตพวกเขาได้เปลี่ยน จากไม่เป็นวีแกนมาเป็นวีแกน แต่ก่อนที่คุณสามารถสอนอะไรก็ตาม พวกเขาได้ แต่ตอนนี้ แค่เส้นทางตรงทางเดียว ที่เป็นวีแกน ยกตัวอย่าง กลุ่มมากมายได้เปลี่ยนแปลงไป หลายคนพูดเรื่องนั้น ฉันไม่รู้มากนัก และ ฉันไม่อ่านหนังสือพิมพ์ แต่พวกเขาพูดว่า “ตั้งแต่ท่านอาจารย์มา ไต้หวัน (ฟอร์โมซา) ผู้เขียนเริ่มต้น เขียนดีขึ้น คล้ายกับ.....” พวกเขาพูด “คล้ายกับท่านอาจารย์เล็กน้อย” ในอดีตหลายวัด ไม่ย้ำเตือนผู้คน ให้กินอาหารมังสวิรัติ ถ้าพวกเขาต้องการ ยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตอนนี้พวกเขาตีพิมพ์นี่ ในหนังสือพิมพ์อย่างชัดเจน “ในการรับพระรัตนตรัย คุณต้องเป็นวีแกน เป็นเวลาหลายเดือน” ถูกต้องไหม? นั่นไม่ใช่กรณีก่อนหน้า เมื่อฉันรับพระรัตนตรัย ไม่มีกล่าวถึงการกินวีแกน ปล่อยให้ตีพิมพ์การรับพระรัตนตรัย ในหนังสือพิมพ์อย่างเดียว ฉันเป็นวีแกนแล้ว แต่คนอื่น ไม่เป็นวีแกน และ ไม่มีใครกล่าวเกี่ยวกับมันแต่เมื่อฉันพูด โดยการบำเพ็ญธรรมวิถีนี้ คุณหลุดพ้นได้ ในชาตินี้ แล้วพวกเขาประหลาดใจ? แค่รับพระรัตนตรัย และคุณหลุดพ้นจาก สามเส้นทางที่น่าสังเวช หมายความว่าไม่ถูกลงโทษตกนรก หรือกลายเป็นปีศาจ หรือสัตว์และจะเกิดใหม่ เป็นคนโชคดี ขณะที่การฝึกฝนวิธีการนี้ คุณต้องเป็นวีแกน และต้องทำสมาธิ เป็นเวลาสองชั่วโมงครึ่ง และเข้าร่วมสมาธิกลุ่ม และรักษาศีล แล้วคุณจะหลุดพ้น ในชาตินี้ และพวกเขาไม่เชื่อ แปลกใช่ไหม?ดังนั้นให้ฉันบอกคุณ แม้ว่าผู้คน ภายในเหมือนกัน ระดับการรู้ตัวพวกเขาเอง ของพวกเขา แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นผู้คนมากมาย โง่เขลามากด้านจิตวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาไม่เชื่อในกรรม หรือพวกเขาไม่เชื่อ ในชาติหน้า และพวกเขา ไม่เชื่อในการกลับชาติมาเกิด แม้ว่าลักษณะภายนอกของพวกเขา เหมือนมนุษย์ ระดับจิตวิญญาณของพวกเขายังคง อยู่ที่ระดับเอบีซี ดังนั้นไม่ใช่ทุกคน สามารถได้รับการสอนได้ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าคุณและฉันเหมือนกัน ระดับการสละโลกของเรา แตกต่างกัน และระดับความกล้าหาญ แตกต่างกัน เมื่อฉันค้นหาเต๋า ในอดีต ฉันสามารถสละทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งชีวิตของฉันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพุทธะปรากฏและพูดว่า “ถ้าเธอตายตอนนี้ ฉันจะทำให้เธอ เป็นพุทธะทันที” ฉันทำมันทันที ฉันอยู่ถึงระดับนั้น ดังนั้นมันเร็ว บางทีฉันได้บำเพ็ญ มาเป็นเวลานาน ในชั่วชีวิตนับไม่ถ้วน ดังนั้นฉันมีความคิดเช่นนั้น การกระทำเช่นนั้น ดังนั้นระดับจิตวิญญาณของฉัน เป็นเช่นนั้นโดยธรรมชาติ เข้าใจไหม? แล้วมีอื่น ๆ อีก โอ้พระเจ้า! แม้ว่าถ้าคุณขอ พวกเขาจะไม่คิดถึงเต๋า
